ระบบสารสนเทศงานวิจัย สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
Research Information System(RIS)

การศึกษาสภาพปัญหาและปัจจัยที่ส่งผลต่อ การฟัง พูดภาษาอังกฤษของนักศึกษาระดับปริญญาตรีมหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่


อาจารย์ ดร.วรศิริ บุญซื่อ

คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์

เลขทะเบียน :

1468-64-HUSO-CMRU

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับความสามารถการฟัง พูด 2) สำรวจปัญหาการฟัง พูด และ 3) ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการฟัง พูดของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ กลุ่มตัวอย่างคือนักศึกษาชั้นปีที่ 4 จำนวน 308 คน ที่ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารระหว่างการฝึกประสบการณ์วิชาชีพ ได้จากการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือวิจัยได้แก่ แบบทดสอบวัดความสามารถด้านการฟัง  แบบทดสอบวัดความสามารถด้านการพูด แบบสอบถามเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อความสามารถในการฟัง พูด และ แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง วิเคราะห์ข้อมูลจากแบบทดสอบความสามารถด้านการฟังและแบบทดสอบวัดความสามารถด้านการพูดโดยหาค่าร้อยละ คะแนนเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามโดยหาค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสัมประสิทธิ์ถดถอยพหุคูณ วิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสัมภาษณ์โดยใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา

ผลการวิจัยพบว่า 1) นักศึกษามีความสามารถการฟังอยู่ระดับพอใช้ (M = 34.81 SD = 6.66) และ ความสามารถการพูดระดับพอใช้ (M = 27.16     SD = 6.78) 2) นักศึกษาไม่มีปัญหาการฟังเมื่อพิจารณาแยกตามวัตถุประสงค์การฟังและไม่มีปัญหาการพูดเมื่อพิจารณาแยกตามองค์ประกอบความสามารถการพูด และ 3) ปัจจัยที่ส่งผลต่อการฟัง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ได้แก่ ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับภาษา ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับผู้พูดหรือเรื่องที่ฟัง และปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน ปัจจัยที่ส่งผลต่อการพูด อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ได้แก่ ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับผู้เรียนและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน

Abstract

This study aimed at investigating 1) English listening and speaking proficiency levels 2) problems in listening and speaking and 3) factors affecting English listening and speaking skills of undergraduate students at Chiang Mai Rajabhat University.

A sample of 308 fourth-year undergraduate students using English for communication during their internship were purposively selected. The research instruments were a listening test, a speaking test, a questionnaire about factors affecting their listening and speaking, and a semi-structured interview. Data collected from a listening test and a speaking test was analyzed by percentage, mean, and standard deviation. Data collected from questionnaires was analyzed by frequency, percentage, mean, standard deviation, and Multiple Regression Analysis. Data from the interview was analyzed through Content Analysis.

The results showed that 1) the students’ listening proficiency level was at the moderate level (M = 34.81 SD = 6.66), similar to their speaking proficiency level        (M = 27.16 SD = 6.78); 2) the students did not have problems in listening when considered by purposes of listening, nor problems in speaking when considered by elements of speaking; and 3) the factors affecting their listening at 0.05 level of significant were input factor, speaker and listening text factor, and teaching and learning factor; the factors affecting their speaking at 0.05 level of significant were learner factor, and teaching and learning factor.

ไฟล์งานวิจัย

1 ปกนอก_sp.pdf

2 ปกใน_sp.pdf

Unit 1 sp.pdf

Unit 2 sp.pdf

Unit 3 sp.pdf

Unit 4 sp.pdf

Unit 5 sp.pdf

ก กิตติกรรมประกาศ sp.pdf

ข_ค abstract sp.pdf

ง สารบัญ sp.pdf

ฉ สารบัญตาราง sp.pdf

ซ สารบัญภาพ sp.pdf

หน้า 68 ref sp.pdf

หน้า 77 ใบคั่นภาคผนวก sp.pdf

หน้า 78 ผนวก ก sp.pdf

หน้า 90 ผนวก ข sp.pdf

หน้า 92 ผนวก ค sp.pdf

หน้า 102 ผนวก ง sp.pdf

หน้า 104 ผนวก จ เกณฑ์การประเมินการพูด_speaking done.pdf

หน้า 106_110 ผนวก ฉ sp.pdf

หน้า 111_112 ผนวก sp.pdf

หน้า 113_114 ผนวก ซ sp.pdf

หน้า 115_120 ผนวก ฌ sp.pdf

หน้า 121 ประวัติ sp.pdf

ข้อมูลการตีพิมพ์

ชื่อบทความ :

แหล่งที่ตีพิมพ์ :พิฆเนศวร์สารปีที่ 18 ฉบับที่ 2 เดือนกรกฎาคม - ธันวาคม 2565 หน้า 17 - 33

ปีที่ตีพิมพ์ :2565

7 06 ต.ค. 2564

กองทุนวิจัย มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่

202 ถ.ช้างเผือก ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 503000

http://www.cmru.ac.th

053-88-5555

งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

2022 สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่