ระบบสารสนเทศงานวิจัย สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
Research Information System(RIS)

การพัฒนาวิธีการมาตรฐานในห้องปฏิบัติการสำหรับการวิเคราะห์หาปริมาณโลหะในตัวอย่างฝุ่น PM2.5 ด้วยเทคนิค ICP-OES


พิชิต พรมเสนใจ

คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เลขทะเบียน :

1495-64-SCI-CMRU

บทคัดย่อ

งานวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนางานปฏิบัติทดลองที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์หาปริมาณโลหะในตัวอย่างฝุ่น ประกอบด้วยขั้นตอนการย่อยตัวอย่าง การตรวจวัดด้วยเทคนิค ICP-OES และการตรวจสอบความใช้ได้ของวิธีวิเคราะห์ จากการเปรียบเทียบวิธีการย่อย 5 วิธีที่แตกต่างกันพบว่า การย่อยตัวอย่างพื้นที่ขนาด 17.43 cm2 ด้วยกรดผสม 16.75% กรดไฮโดรคลอริกและ 5.55% กรดไนตริก ปริมาตร 20 มิลลิลิตร และให้ความร้อนด้วยเครื่องให้ความร้อนแบบหลุม และปรับปริมาตรสุดท้ายเป็น 10 มิลลิลิตร เป็นวิธีการย่อยที่เหมาะสมที่สุด สำหรับการตรวจสอบความใช้ได้ของการวิเคราะห์หาปริมาณโลหะจำนวน 17 ธาตุ พบว่า ช่วงความเป็นเส้นตรงอยู่ระหว่าง 0.001-10 ppm มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (r2) อยู่ในช่วง 0.9966-0.9998 ค่าขีดจำกัดของการตรวจพบ (LOD) อยู่ในช่วง 0.012-0.154 ppm และขีดจำกัดของการวัดเชิงปริมาณ (LOQ) อยู่ในช่วง 0.041-0.494 ppm ยกเว้นธาตุ Na ค่าความแม่นแสดงด้วยค่าร้อยละของการกลับคืน (%Recovery) อยู่ในช่วง 91-110% ยกเว้นธาตุ Al, Ca, K, Mg และ Na ค่าความเที่ยงแสดงด้วยค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานสัมพันธ์ (%RSD) อยู่ในช่วง 1.98-13.03% ยกเว้น Ca, K, Na และ Pb วิธีที่พัฒนาขึ้นสามารถนำไปประยุกต์ใช้เป็นวิธีการมาตรฐานในห้องปฏิบัติการสำหรับการวิเคราะห์หาปริมาณโลหะในตัวอย่างฝุ่น PM2.5 ด้วยเทคนิค ICP-OES ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Abstract

This research aimed to develop a method for determination of metals in PM2.5 samples, including digestion method, ICP-OES measurement and method validations. Five different digestion methods were compared. It was found that 17.43 cm2 of sample area digested with 20 ml of mixture acid (16.75% hydrochloric acid and 5.55% nitric acid) at temperature 95 °C by heated with block digestion system and adjusted final volume to 10 ml prior to ICP-OES analysis is the most suitable and applicable. Method validation of 17 metals analysis were performed. The linearity range was 0.001-10 ppm. The correlation coefficient (r2) was in the range of 0.9966-0.9998. The limit of detection (LOD) was in the range of 0.012-0.154 ppm and the limit of quantitation (LOQ) was in the range of 0.041-0.494 ppm except for Na. The accuracy expressed in team of percentage recovery (%Recovery) was in the range of 91-110% except for elements Al, Ca, K, Mg and Na. The precision expressed in team of relative standard deviations (%RSD) in the range of 1.98-13.03% except for Ca, K, Na and Pb. The developed methods can be used as effective standard method for metals analysis laboratory.

ไฟล์งานวิจัย

01 ปกนอก.pdf

02 ปกใน.pdf

03 บทคัดย่อ.pdf

04 abstract.pdf

05 กิตติกรรมประกาศ.pdf

06 สารบัญ.pdf

07 สารบัญตาราง.pdf

08 สารบัญภาพ.pdf

09 บทที่1.pdf

10 บทที่2.pdf

11 บทที่3.pdf

12 บทที่4.pdf

13 บทที่5.pdf

14 บรรณานุกรม.pdf

15 ภาคผนวก.pdf

16 ประวัติผู้วิจัย.pdf

ข้อมูลการตีพิมพ์

ชื่อบทความ :

แหล่งที่ตีพิมพ์ :วารสารวิทยาศาสตร์บูรพา ปีที่ 29 (ฉบับที่ 3) กันยายน – ธันวาคม พ.ศ. 2567 หน้า 1033-1046

ปีที่ตีพิมพ์ :2567

13 06 ต.ค. 2564

กองทุนวิจัย มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่

202 ถ.ช้างเผือก ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 503000

http://www.cmru.ac.th

053-88-5555

งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

2022 สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่